การทำ IV Drips คืออะไร ?
คือการรักษาทางการแพทย์โดยให้ของเหลว ยา หรือสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ป่วยโดยตรงผ่านถุงและท่อ IV วิธีการรักษานี้ใช้มานานหลายปีแล้ว และได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ประโยชน์ของ IV Drips ช่วยในเรื่องอะไร
คือความสามารถในการส่งของเหลว ยา และสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็วและโดยตรง โดยผ่านระบบย่อยอาหาร นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานยาหรือดื่มน้ำได้ เช่น ผู้ที่ป่วยหนักหรืออยู่ระหว่างการผ่าตัด การบำบัดด้วยการให้น้ำเกลือยังสามารถใช้เพื่อรักษาภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ความเจ็บป่วย การออกกำลังกาย และอุณหภูมิที่สูง
ข้อดีของการทำ IV Drips
- สามารถให้ยาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการให้ยาด้วยวิธีอื่นๆ เมื่อให้ยาทางปาก ยาจะต้องผ่านระบบย่อยอาหารและตับก่อนที่จะเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลงได้ ในทางตรงกันข้าม การใช้วิธี IV drips ช่วยให้ยาถูกส่งเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง
- การให้ IV Drips ยังมีสารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผิวของเราและเส้นผมของเราสวยงามและแข็งแรง โดยเฉพาะวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความกระชับของผิว และวิตามินบีที่ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่และเพิ่มความเรียบเนียนของผิว
ข้อควรระวังจากการทำ IV Drips
- สำหรับการรักษาด้วย IV Drips ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือโอกาสในการติดเชื้อ คลินิกที่เราเลือกใช้บริการจำเป็นที่จะต้องมีมาตรฐาน ความสะอาด ปลอดภัย และต้องใช้เทคนิคที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- การทำ IV Drips ด้วยของเหลวที่มากเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตหรือหัวใจ จำเป็นต้องมีบุคลากรทางการแพทย์คอยตรวจสอบปริมาณของเหลวที่จ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน
- ค่าใช้จ่ายในการทำ IV Drips อาจมีราคาแพงและอาจใช้เวลานาน ทำให้ผู้ที่ใช้บริการต้องอยู่ในสถานพยาบาลเป็นเวลาหลายชั่วโมงในขณะที่ให้สารน้ำหรือยา
การให้น้ำเกลือ IV Drips เป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่สามารถบรรเทาอาการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยการส่งของเหลว ยา และสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง แม้ว่าวิธีการรักษานี้จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา รวมถึงโอกาสในการติดเชื้อและค่าใช้จ่ายในการรักษา เช่นเดียวกับการรักษาทางการแพทย์ใดๆ สิ่งสำคัญคือต้องหารือเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการรักษาด้วยวิธี IV กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอน
ที่มาข้อมูล
https://www.mvitaclinic.com/vitamin-skin-or-iv-drip